ส่งฟรีในเขตกรุงเทพฯ
จ.-ศ. 7.00-22.00 / ส-อา. 8.00-21.00
เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/TheMuseumofFloralCulture
ในช่วงวันหยุดนี้ หากใครที่ไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีล่ะก็... Fruit N Flora จะพาทุกคนไปเที่ยวชม “พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้” แหล่งเรียนรู้แห่งหนึ่งที่น่าสนใจหลบซ่อนตัวอยู่ในย่านสามเสนกันค่ะ ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวที่จัดแสดงเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมของดอกไม้ทั้งดอกไม้ไทยและดอกไม้ของเอเชียไว้ด้วยกันค่ะ ถ้าใครพร้อมแล้วก็ตามกันมาเลย!
ก่อนอื่น Fruit N Flora จะขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ “พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้” กันก่อนนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า... “คุณสกุล อินทกุล” นักจัดดอกไม้ชื่อดังระดับนานาชาติ เป็นผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับรวบรวม แลกเปลี่ยน เรียนรู้เรื่องราวของวัฒนธรรมดอกไม้ทั้งของไทยและของทวีปเอเชีย นอกจากนี้ยังจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของงานจัดดอกไม้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงงานจัดดอกไม้สดหรืองานจัดดอกไม้ร่วมสมัยประเภทต่าง ๆ
สถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้นั้นตั้งอยู่ในแยกองครักษ์ 13 ซอยสามเสน 28 ส่วนอาคารที่จัดแสดงนั้นเป็นบ้านโบราณมีอายุกว่า 100 ปี สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ซึ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2555 สำหรับวันและเวลาในการเข้าชมนั้น สามารถเข้าชมได้ในวันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. เสียค่าเข้าชมเพียงคนละ 150 บาทเท่านั้น แต่ถ้าต้องการซื้อแบบเป็นชุด คือ เพิ่มชุดน้ำชาและขนมไปด้วยก็จะคนละ 350 - 400 บาทค่ะ (ราคาค่าขนมจะมีราคาแตกต่างกันค่ะ ถ้าเป็นขนมไทยราคา 350 บาท แต่ถ้าขนมฝรั่งราคา 400 บาทค่ะ ทั้งนี้รวมราคาค่าเข้าเรียบร้อยแล้ว) โดยการเข้าชมนั้นจะมีเจ้าหน้าที่หรือมัคคุเทศก์เป็นผู้นำชมพร้อมบรรยายสิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจค่ะ
เครดิตภาพ: https:// https://www.floralmuseum.com/
หลังจากเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้กันแล้ว เรามาเดินชมห้องจัดแสดงกันบ้างดีกว่าค่ะ ซึ่งห้องจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 7 ห้อง ได้แก่
ห้องนี้จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของงานดอกไม้ในประเทศไทยและภาพต่าง ๆ ที่ได้คัดลอกสำเนามาจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ซึ่งภาพเหล่านี้จะเล่าเรื่องราวย้อนไปในอดีตเมื่อราว ๆ 100 ปีก่อน อย่างเช่น วิวัฒนาการของเครื่องแขวนไทย งานดอกไม้ประดิษฐ์ต่าง ๆ ของยุคนั้น เป็นต้น
ห้องนี้จัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมของดอกไม้จากประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย อย่างเช่น งานดอกไม้สักการะบูชา ของบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย, การจัดดอกไม้ของประเทศลาว ญี่ปุ่น และทิเบต หรือย้อนกลับไปดูอารยธรรมแบบดั้งเดิมเกี่ยวกับการจัดดอกไม้ควบคู่กับความเชื่อของประเทศอินเดียก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนั้นภายในห้องนี้ยังมีการจัดแสดงโบราณวัตถุชิ้นเดียวอยู่ด้วย นั่นก็คือคัมภีร์ผ้าว่าด้วยการจัดดอกไม้แบบโชกะของประเทศญี่ปุ่นค่ะ
ห้องนี้เป็นห้องที่จัดแสดงเกี่ยวกับวัฒนธรรมดอกไม้ด้วยการจำลองงานแห่ต้นดอกไม้สีสันสดใสจากฝีมือชาวบ้านที่วัดศรีโพธิ์ชัย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ซึ่งงานแห่ต้นดอกไม้นี้นิยมจัดขึ้นในช่วงวันสงกรานต์ของทุกปี และจัดติดต่อกันมานานหลายร้อยปีกันเลยทีเดียวค่ะ เชื่อกันว่าหากนำดอกไม้มาบูชาพระรัตนตรัยก็จะทำให้อยู่ดีมีสุข ฝนตกตามฤดูกาลค่ะ
ห้องนี้จัดแสดงและถ่ายทอดฝีมือในการประดิษฐ์ดอกไม้ของไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อได้ชมเรื่องราวภายในห้องนี้ ทำให้รู้ว่าการจัดดอกไม้แบบไทยนั้นก็มีความยากและระบบซับซ้อนไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งเรื่องของทรงและออกแบบในการใช้สอยค่ะ
ห้องนี้จัดแสดงเกี่ยวกับงานประดิษฐ์ดอกไม้และความหมายที่แฝงเป็นนัยของทุกช่วงจังหวะในชีวิตของคนไทย ตั้งแต่เกิดจนตาย เพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักความประณีตและการสร้างสรรค์ผลงานที่วิจิตรสวยงามค่ะ
ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องจัดแสดงที่สำคัญที่สุดในพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะจัดแสดงผลงานการจัดดอกไม้ในแขนงต่าง ๆ ของคุณสกุลที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผลงานที่จัดแสดงนั้นก็คือภาพถ่าย ตั้งแต่ภาพร่างแบบสเก็ตช์ไปจนถึงภาพถ่ายผลงานเสร็จสมบูรณ์
ห้องนี้จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับผลงานการออกแบบงานจัดดอกไม้สไตล์โมเดิร์นทั้ง 9 แบบให้เป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เน้นความทันสมัยและนำไปใช้ได้จริงค่ะ
เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/TheMuseumofFloralCulture
หลังจากชมห้องจัดแสดงครบทั้งหมด 7 ห้องแล้วก็ปิดท้ายทริปด้วยการจิบชา กินขนมในร้าน “Dok Mai Thai - Salon Du Thé” ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์กันค่ะ ซึ่งน้ำชาของที่นี่จะคัดเลือกเฉพาะชาหอมทั้งในไทยและต่างประเทศ และมีให้เลือกทั้งแบบร้อนและแบบเย็นค่ะ โดยน้ำชาแบบเย็นนี้จะมีแค่ชากุหลาบและชาพะยอมน้ำผึ้งเท่านั้น ส่วนขนมนั้นมาจากหลากหลายประเทศเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย (ถั่วแปป, งาสลัด, ขนมต้ม), ขนม Kalakand ของอินเดีย, ขนมเปี๊ยะจากจีน, ไดฟูกุ
ไส้ถั่วแดงจากญี่ปุ่น รวมไปถึงเค้กโฮมเมดอร่อย ๆ อีกด้วยนะคะ
พอได้มาจิบชา กินขนม และเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ในวันนี้ Fruit N Flora ประทับใจมาก ๆ ค่ะ เพราะได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของวัฒนธรรมดอกไม้และงานจัดดอกไม้ของชาติต่าง ๆ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะสนุกและประทับใจบ้างหรือเปล่า? สามารถเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันได้นะคะ